โครงการปลูกข้าวหอมชลสิทธิ์เว็บไซต์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ภาพ logo website จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โครงการปลูกข้าวหอมชลสิทธิ์

ผู้เขียน:  ธนิษฐา พงษ์จันทร์ จาก สำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 09:27 น.

 อ่าน 15,831

            พื้นที่อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวถูกใช้เป็นพื้นที่แก้มลิง เพื่อรองรับน้ำที่ไหลบ่าจากภาคเหนือไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในบริเวณนั้นอย่างมาก เนื่องจากอาชีพหลักของเกษตรกรคือทำนา โดยเฉพาะพันธุ์ข้าวที่ชาวนานิยมปลูกคือ พันธุ์พิษณุโลกซึ่งไม่ทนต่อสภาวะน้ำท่วมขัง ทำให้ผลผลิตเสียหาย ขาดรายได้ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

            สหกรณ์การเกษตรผักไห่ มีสมาชิกจำนวน 2,000 ราย ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา พื้นที่ปลูกข้าวรวมทั้งสิ้นประมาณ 20,000 ไร่ ซึ่งบางพื้นที่สามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง แต่บางพื้นที่ทำนาได้เพียงครั้งเดียว เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นพื้นที่รับน้ำ (แก้มลิง) น้ำท่วมนาข้าวเสียหาย เกษตรกรลำบาก เกิดการว่างงาน จนประสบปัญหาความยากจน โดยเฉพาะปัจจุบันฝนไม่ตกตามฤดูกาล ทำให้น้ำเหนือมาเร็วและปริมาณมากขึ้น ดังนั้น สหกรณ์ฯ จึงได้ทำหนังสือขอการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เพื่อขอเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมชลสิทธิ์ ที่มีคุณสมบัติทนน้ำท่วมฉับพลัน มาทดลองปลูกในพื้นที่จริงมาตั้งแต่ปี 2552

           จากการทดสอบปลูกรอบแรก ได้ผลเป็นที่พึงพอใจของเกษตรกร โดยเฉพาะลักษณะทางกายภาพของข้าว ได้แก่ การติดเมล็ดดี รวงสวย เจริญเติบโตเร็ว แตกกอดี จากนั้นสหกรณ์ฯ ได้สนับสนุนให้สมาชิกผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีไว้ใช้เอง รวมถึงส่งเสริมให้ปลูกข้าวเพื่อการบริโภคเป็นข้าวปลอดภัย GAP โดยมีการอบรมความรู้ให้เกษตรกร และจัดหาปัจจัยการผลิตต่างๆ ให้แบบปลอดดอกเบี้ย

           เมื่อพิสูจน์แล้วว่าข้าวหอมชลสิทธิ์เป็นทางรอดของเกษตรกรในพื้นที่นี้ ซึ่งสหกรณ์ฯ ได้เดินหน้าส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวพันธุ์ดังกล่าวไปแล้วรวมพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่ แบ่งเป็นปลูกเพื่อทำเมล็ดพันธุ์จำหน่ายกับปลูกเพื่อส่งให้สหกรณ์แปรรูป สหกรณ์ฯ มีโรงสีข้าวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเป็นของตัวเอง สามารถรับซื้อผลผลิตจากสมาชิกได้ทั้งหมด โดยสมาชิกที่ปลูกข้าวหอมชลสิทธิ์จะจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาประกันอยู่ที่ 15,000 บาท/ตัน และสหกรณ์จ่ายเงินสดให้สมาชิกทันทีที่นำผลผลิตมาส่งให้สหกรณ์ฯ ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวรับซื้อในราคา 18,000 บาท/ตัน เรียกว่าราคาดีจึงไม่ต้องรอเข้าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเลย นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังเข้ามาช่วยถ่ายทอดความรู้เรื่องการลดต้นทุนการผลิต และการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพให้กับสมาชิกด้วย

            ผลผลิตที่รับซื้อจากสมาชิก สหกรณ์ฯ จะนำมาเข้าสู่กระบวนการสีแปรรูปตามมาตรฐาน GMP และ HACCP โดยไม่ใช้สารเมทิลโบรไมด์อบข้าวเพื่อกันมอดตั้งแต่ข้าวเปลือกไปจนถึงข้าวสาร ทำให้ข้าวของสหกรณ์ฯ มีคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นข้าวหอมแท้ 100% สินค้าข้าวของสหกรณ์ จำหน่ายภายใต้แบรนด์ ข้าว “อ่อนหวาน” มีสโลแกนว่า ข้าวอ่อนหวาน อะไมโลสต่ำ ข้าวน้ำตาลน้อย ดีต่อสุขภาพ เนื่องจากข้าวหอมชลสิทธิ์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีอะไมโลส (แป้ง) อยู่ที่ 14% ต่ำกว่าข้าวสายพันธุ์อื่น ทำให้เวลาบริโภคข้าวเมื่อแป้งเปลี่ยนเป็นน้ำตาลก็จะน้อยลง นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก สูงกว่าข้าวเจ้า 2.78 เท่า จึงทำให้ข้าวอ่อนหวาน เหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพ ผู้เป็นโรคเบาหวาน และกับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย

            แม้ว่าผลิตภัณฑ์ข้าวอ่อนหวาน จะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ยังไม่แพร่หลายในหมู่ผู้บริโภคมากนักเพราะขาดการประชาสัมพันธ์อย่างภาคเอกชน ทำให้การส่งเสริมให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ปลูก จึงยังมีจำนวนจำกัดอยู่ แต่ก็ยังมีข้อดีที่สหกรณ์การเกษตรผักไห่ จำกัด ได้รับการสนับสนุนจากผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจัดสรรงบให้สหกรณ์ฯ พัฒนาคุณภาพข้าว สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน พร้อมกับส่งเสริมให้คนในจังหวัดบริโภคข้าวอ่อนหวานแพร่หลายมากขึ้น และที่สำคัญคือสหกรณ์ฯ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ จึงมีโอกาสที่จะนำสินค้าข้าวของสหกรณ์ฯ ไปแลกเปลี่ยน เชื่อมโยงกับสหกรณ์ต่างๆ ทั่วประเทศได้สะดวก นับเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดได้เป็นอย่างดี และไม่นานนี้ก็ได้รับโอกาสนำสินค้าไปวางจำหน่าย ณ ศูนย์ข้าวสหกรณ์ไทย ที่ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสท.)

ลักษณะประจำสายพันธุ์   

1. ทนน้ำท่วมแบบฉับพลันในทุกระยะการเจริญเติบโต   

2. ข้าวเจ้าหอม ความสูงประมาณ 105-110 เซนติเมตร   

3. พันธุ์ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสงปลูกได้ทั้งปีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 120 วัน   

4. ข้าวเปลือกสีฟางคล้ายพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105   

5. จำนวนรวงต่อกอประมาณ 15 รวง (นาดำ)   

6. ความยาวรวงประมาณ 15 ซม.   

7. ลำต้น ใบสีเขียวยาวกว้างปานกลาง   

8. ใบธงทำมุมกับคอรวง ทรงกอตั้งแบะเล็กน้อย

เมล็ดข้าว

ขนาดกว้าง 2.5  ยาว 10.9 หนา 2.0 มิลลิเมตร

คุณสมบัติทางโภชนาการ  

1. ปริมาณอะไมโลส 18%   

2. ระดับค่าการสลายตัวในด่าง  (1.7% KOH) ประมาณ 2 ซึ่งต้องการอุณหภูมิมากกว่า    74oC เพื่อทำให้แป้งสุก          

นอกจาก "หอมชลสิทธิ์ ทนน้ำท่วมฉับพลัน" งานวิจัย "มุ้งนาโน" ฆ่ายุง ของนาโนเทค ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานของ สวทช. ที่นำมาบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ ที่ต้องมาใช้เพิงพักชั่วคราวในการหลับนอน ให้สามารถนำไปใช้กันยุงและป้องกันโรคระบาดต่างๆ ที่มาพร้อมกับยุงได้ โดยท่าน รมว.วท. ดร.วีระชัย ได้แจกมุ้งนาโนฆ่ายุงให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่กว่า 200 ครัวเรือน

สนใจข้าวหอมชลสิทธิ์ “อ่อนหวาน”

สามารถหาซื้อได้ที่ศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ ศูนย์ข้าวสหกรณ์ไทย หรือที่ สหกรณ์การเกษตรผักไห่ จำกัด เลขที่ 217/1 หมู่ 4 ตำบลผักไห่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทรศัพท์ 0 3539 1167      

  

ที่มา :     http://www.most.go.th/main/index.php/intro/2080.html

             http://www.nstda.or.th/news/15643-rice

                


คำค้นหา
 
comments powered by Disqus
ข่าวในประเภทประชาสัมพันธ์
ข่าวโดยสำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ข่าวล่าสุด
สนใจมากสุดในรอบเดือน
เข้าชมล่าสุด