เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ภายหลังที่นำหน่วยงานราชการในจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำบันทึกข้อตกลงหรือ MOU กับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ว่าด้วยความร่วมมือทางด้าน การบัญชาการเหตุการณ์ กรณีเกิดปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะจากน้ำท่วม ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่สองรองจากจังหวัดภูเก็ต ที่ได้มีการทำ MOU
ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง อบจ. เทศบาล และ อบต. และหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งฝ่ายปกครอง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ชลประทานจังหวัด หน่วยงานเกษตร และหน่วยงานที่ดูแลถนนและแนวป้องกันน้ำท่วม ให้ทำงานแบบบูรณาการ ประสานความร่วมมือ ทั้งประสานแผนและงบประมาณ เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหา พร้อมให้ทบทวนและซักซ้อม การแจ้งเหตุ การช่วยเหลือ แผนรองรับที่พัก อาหาร ยารักษาโรค ให้สามารถปฏิบัติได้จริงหากเกิดสถานการณ์น้ำท่วม
ด้าน นายไมตรี ปิตินานนท์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ได้เร่งปล่อยระบายน้ำลงท้ายวันนี้ที่ประมาณ 600 ลบ.ม./วินาที และมีรายงานว่าช่วงนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและลำคลองต่อเชื่อม มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 20 เซนติเมตร และขอให้ประชาชนไม่ต้องตกใจ เพราะเป็นการปล่อยน้ำ เพื่อบริการจัดการน้ำอย่างถูกต้องเท่านั้น ซึ่งหากน้ำจะท่วมริมตลิ่งที่อำเภอบางบาลซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำสุด เขื่อนเจ้าพระยาต้องปล่อยน้ำมากกว่า 1,500 ลบ.ม./วินาที ขึ้นไป อย่างไรก็ตามช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนมีพายุพัดเข้ามาบ่อย ทางจังหวัดได้ให้หน่วยงานชลประทานประเมินสถานการณ์และรายงานผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อประกอบในฐานข้อมูลในการเตรียมการรับมือและแก้ไขปัญหา
อ่านต่อ>> ข่าวสถานการณ์น้ำ จากโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา