ขึ้นทะเบียนเกษตรกรปลูกข้าว รอบปี 2556/2557 ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2556 - 30 มิถุนายน 2557เว็บไซต์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ภาพ logo website จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ขึ้นทะเบียนเกษตรกรปลูกข้าว รอบปี 2556/2557 ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2556 - 30 มิถุนายน 2557

ผู้เขียน:  จรัญญา ศรีไพร จาก สำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14:57 น.

 อ่าน 7,191
"วราเทพ" ชี้รัฐบาลพร้อมเดินทางโครงการรับจำนำข้าวรอบใหม่ เรียกประชุมเกษตรอำเภอและเกษตรตำบลทั่วประเทศเข้มการขึ้นทะเบียนป้องทุจริตต้นทางโครงการ หากพบการแจ้งเท็จตัดสิทธิ์เข้าโครงการ 3 ปี

ที่มา : www.moac.go.th  
           นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนาการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/57 ว่า ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้รับขึ้นทะเบียน เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว ปี 2556/57 แล้ว โดยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสามารถขึ้นทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 - 30 มิถุนายน 2557 การประชาคมตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 -14 กรกฎาคม 2557 และการออกใบรับรองตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 -15 กันยายน 2555
          ดังนั้น  เพื่อให้การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและได้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงยิ่งขึ้น จึงได้มอบนโยบายให้กรมส่งเสริมการเกษตรจัดสัมมนาเกษตรอำเภอ เกษตรตำบลทั่วประเทศ กว่า 6,000 คน ทั้งนี้ได้แบ่งการสัมมนาเป็น 4 ครั้ง คือ
           ครั้งที่ 1 วันที่ 1 สิงหาคม 2556 ที่ โรงแรมรามาการเด้นส์ กรุงเทพมหานคร
           ครั้งที่ 2 วันที่ 10 สิงหาคม 2556 ที่ จังหวัดเชียงใหม่
           ครั้งที่ 3 วันที่ 17 สิงหาคม 2556 ที่ จังหวัดขอนแก่น
           ครั้งที่ 4 วันที่ 30 สิงหาคม 2556 ที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
           นายวราเทพ กล่าวต่อไปว่า การสัมมนาครั้งนี้ เป็นการซักซ้อมความเข้าใจและขั้นตอนการ ปฎิบัติในการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวรอบปี 2556/57 ซึ่งการขึ้นทะเบียนรอบนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดย กรมส่งเสริมการเกษตร ได้มีการทบทวนและปรับปรุงการขึ้นทะเบียน ทั้ง 3 ขั้นตอน ดังนี้
          ขั้นตอนที่ 1 การรับ ขึ้นทะเบียน จะมีการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรทราบและตระหนักถึงโทษในการแจ้งข้อมูลหรือใช้เอกสารเท็จ พร้อมทั้งเข้มงวดในการตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งเกษตรกรที่ขอขยายครัวเรือนจะต้องนาเอกสาร การรับรองการขยายครัวเรือนจากกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านมาแสดง และเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนต้องเป็นหัวหน้า ครัวเรือน และเป็นเจ้าของผลผลิตในแปลง หากไม่สามารถมาขึ้นทะเบียนได้ด้วยตนเองให้มอบอำนาจให้สมาชิกที่ มีชื่อใน ทบก. ไปขึ้นทะเบียนแทน
           ขั้นตอนที่ 2 การประชาคม แบ่งเป็น การประชาคมกลุ่มย่อย 5 - 10 ราย และลงชื่อรับรองข้อมูลร่วมกัน หากแจ้งข้อมูลเท็จ จะตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการทั้งกลุ่ม และการประชาคม ภาพรวม จะมีมาตรการเข้มงวด โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมรายตำบล และแผนที่ภาษีที่ดินของ อบต. (ถ้ามี) ประกอบการประชาคมภาพรวมทุกรายและให้เกษตรกรชี้ที่ตั้งแปลงบนภาพถ่ายดาวเทียม นอกจากนั้นในการ ตรวจสอบพื้นที่ จะมีการเพิ่มการสุ่มตรวจวัดพื้นที่ปลูกจาก10% เป็น 20% โดยเน้นให้ตรวจสอบกลุ่มที่ไม่มีสัญญาเช่า หรือไม่มีเอกสารสิทธิ์มาแสดงร้อยละ 70 และตรวจสอบพื้นที่จริงด้วย GPS จาก 10% เป็น 20% โดยเน้นให้ตรวจสอบกลุ่มที่ไม่มีสัญญาเช่า หรือไม่มีเอกสารสิทธิ์มาแสดงร้อยละ 70
          ขั้นตอนที่ 3 การออก ใบรับรอง มีการเข้มงวดการพิมพ์และการจ่ายใบรับรองให้ถูกต้องและทันเวลา ซึ่งเกษตรกรที่มารับใบรับรองแทน จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ที่มารับแทนและเพิ่มคำเตือนในใบรับรอง "ให้ใช้สิทธิจำนำผลผลิตตามจำนวน ที่ได้จากการปลูกจริงเท่านั้น การขายใบรับรองและยินยอมให้ผู้อื่นใช้สิทธิในใบรับรองของตัวเอง มีความผิด ตามกฎหมาย”
           ทั้งนี้ หากเกษตรกรมีการแจ้งข้อมูลเท็จก็จะเพิกถอนสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวจาก เดิม 1 ปี เป็น 3 ปีและมีความผิดตามกฎหมายสาหรับผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2555/56  สำหรับความคืบหน้าการขึ้นทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2555- 31 พฤษภาคม 2556 (ตัดยอดข้อมูลวันที่ 29 กรกฎาคม 2556) พบว่า มีการขึ้นทะเบียนแล้ว4,195,048 ครัวเรือน ผ่านประชาคม 4,146,123 ครัวเรือน ออกใบรับรอง 4,121,943 ครัวเรือน ดังนั้น การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวชาวนาต้องให้ความร่วมมือแจ้งข้อมูลที่เป็นจริง ไม่ให้ใครมาใช้สิทธิแทน
           โครงการดีๆอย่างนี้จะมีและอยู่คู่กับเกษตรกรตลอดไป สำหรับการกำหนดราคารับจำนำข้าวปี 2556/57 คาดว่าคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) จะมีการประชุมเพื่อหารือในเรื่องดังกล่าวในสัปดาห์หน้าถึงหลักเกณฑ์เงื่อนไขต่างๆในการเข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะราคารับจำนำที่ 15,000 บาท หรือไม่ก็ต้องมาพิจารณากันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการที่รัฐบาลดำเนินการอยู่นั้นมีเป้าหมายสำคัญเพื่อยกระดับรายได้ให้กับชาวนา ซึ่งในอนาคตหากราคาข้าวมีความเหมาะสมและสมดุลกับต้นทุนการผลิต เงื่อนไขในการรับจำนำก็อาจจะลดลงได้

 


คำค้นหา
 
comments powered by Disqus
ข่าวในประเภทประชาสัมพันธ์
ข่าวโดยสำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ข่าวล่าสุด
สนใจมากสุดในรอบเดือน
เข้าชมล่าสุด