นพ.สมพงษ์ บุญสืบชาติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขานรับนโยบาย “ร่วมจ่าย 30 บาทยุคใหม่ เพิ่มคุณภาพเพื่อสุขภาพคนไทยที่ดีขึ้น” เพื่อร่วมช่วยเหลือคนที่สังคมต้องเกื้อกูล เริ่ม 1 กันยายน 2555 นี้
นโยบาย ร่วมจ่าย 30 บาทยุคใหม่ นับว่าเป็นอีกหนึ่งบริการที่กระทรวงสาธารณสุขปรับโฉมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ประชาชนคนไทย เพราะเมื่อประชาชนเจ็บป่วยฉุกเฉินถึงแก่ชีวิต สถานบริการของรัฐทุกแห่งจะไม่ถูกถามสิทธิ ประชาชนไม่ต้องสำรองจ่าย บ้านใกล้ที่ไหนไปรับบริการที่นั่น เพิ่มการให้บริการโดยเฉพาะผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ผู้ป่วยเอชไอวี/เอดส์จะรักษาเท่าเทียมด้วยมาตรฐานเดียวกัน ใช้บัตรประชาชนใบเดียวประชาชนสามารถเปลี่ยนหน่วยบริการได้ปีละ 4 ครั้ง (เดิมปีละ 2 ครั้ง) เน้นความสะดวกสบายให้แก่ผู้รับบริการโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ 70 ปี ขึ้นไปไม่ต้องรอคิวร่วมกับผู้ป่วยทั่วไป และเมื่อต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลผู้ป่วยในจะได้รับอาหารคุณภาพดีด้วยเมนูชูสุขภาพของโรงพยาบาลนั้นๆ เหมาะกับโรคที่เป็น มียาดีใช้เพียงพอ ทั่วถึงเป็นธรรม มีหมอรักษาให้บริการแบบใกล้บ้านใกล้ใจ เชื่อมโยงรักษาด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ประการสำคัญหากประชาชนมาตรวจโรค ไม่ต้องรับยา ไม่ต้องจ่ายค่าบริการแต่อย่างใด
ซึ่งนโยบายร่วมจ่าย 30 บาทครั้งนี้ ครอบคลุมการให้บริการทุกช่วงเวลา ทั้งเช้าและบ่าย จึงทำให้ผู้รับบริการได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้นการเรียกเก็บดังกล่าวจะยกเว้นกลุ่มคนยากจน และผู้ที่สังคมควรช่วยเหลือเกื้อกูล ได้แก่ ผู้มีรายได้น้อย, ผู้นำชุมชน, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.), ผู้มีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์, เด็กอายุไม่เกิน 12 ปีบริบูรณ์, บุคคลผู้พิการ, พระภิกษุ, สามเณร, ทหารผ่านศึก, และทหารเกณฑ์ เป็นต้น โดยกลุ่มเหล่านี้ไม่ต้องจ่าย 30 บาท รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่มีความประสงค์ไม่ร่วมจ่าย 30 บาทด้วย
จากมาตรการดังกล่าวจะทำให้หน่วยบริการมีเงินรายได้เพิ่มขึ้น จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะให้แต่ละหน่วยบริการบริหารจัดการเอง โดยให้นำไปพัฒนารูปแบบและเพิ่มคุณภาพการให้บริการต่างๆ แก่ประชาชนได้มากขึ้น โดยเฉพาะในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจะสามารถเสริมสร้างสุขภาพแบบครบวงจรในทุกกลุ่มอายุ มีการจัดการตรวจคัดกรองป้องกันดูแลรักษาโรคเรื้อรังแบบให้บริการถึงบ้าน เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่านโยบายนี้นอกจากเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพิ่มคุณภาพแล้วยังเป็นการเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้รับบริการอีกด้วย
ที่สำคัญมาตรการนี้จะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมและความรู้สึกเป็นเจ้าของในระบบร่วมกัน และยังกระตุ้นให้ประชาชนเกิดความตระหนักการช่วยเหลือกลุ่มคนที่สังคมต้องเกื้อกูลอีกทั้งเป็นการแสดงถึงความร่วมมือในการดูแลสุขภาพของตัวเองที่มากขึ้นเป็นการส่งเสริมป้องกันโรคอีกทางหนึ่ง ซึ่งในขณะนี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีฐานข้อมูลต่างๆ ที่พร้อมเพื่อรองรับนโยบายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
ดาวน์โหลดไฟล์