นายแพทย์พิทยา ไพบูลย์ศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาในการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ บางคนต้องรับประทานอาหารบนโต๊ะทำงาน บางคนรับประทานอาหารในรถ อาหารในกล่องโฟม จึงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งที่ชีวิตคนทำงานส่วนใหญ่เลือกรับประทาน และกล่องโฟมยังเป็นทางเลือกหลักให้กับแม่ค้า
พ่อค้า นำมาบรรจุอาหารขาย ทั้งอาหารร้อน อาหารเย็น ตลอดจนขนมต่างๆ เพราะมีราคาไม่แพง และหาซื้อง่าย
ตามท้องตลาดทั่วไป แต่ความสะดวกสบายนั้นยังนำพาภัยเงียบมาสู่สุขภาพโดยไม่รู้ตัว ภาชนะสำเร็จรูปที่ทำจากโฟม ทั้งจาน ถ้วย กล่อง ใช้บรรจุอาหารปรุงสำเร็จ เมื่อนำภาชนะโฟมมาบรรจุ
อาหารร้อน ต้องใช้อย่างระมัดระวัง หากโฟมสัมผัสกับอาหารร้อนจัดเป็นเวลานาน จะทำให้เสียรูปทรง
เกิดการหลอมละลาย มีสารเคมีที่อยู่ในเนื้อโฟม ซึ่งมองไม่เห็นปนเปื้อนออกมาอยู่ในอาหาร ทำให้เกิดอันตรายสะสม
ในร่างกายแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่รู้ตัว สารเคมีที่พบในภาชนะโฟมบรรจุอาหารที่สำคัญมี 3 ตัว ได้แก่ 1) สารสไตรีน (Styrene) เป็นสารก่อมะเร็ง เพิ่มความเสี่ยงเกิดมะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก มีผลต่อสมองและเส้นประสาท
ทำให้อ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย นอนหลับยาก ระบบฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ ทำให้มีปัญหาต่อมไทรอยด์
และประจำเดือนในสตรีผิดปกติ 2) สารเบนซิน (Benzene) ซึ่งเป็นสารก่อในเกิดมะเร็งเช่นกัน สารชนิดนี้ละลายได้ดี
ในน้ำมัน เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นแรง หากได้สารชนิดนี้เป็นเวลานาน
ทำให้เป็นโรคโลหิตจาง เนื่องจากสารเบนซินจะทำลายไขกระดูก ทำให้จำนวนเลือดลดลง 3) สารพทาเลท (Phthalate) เป็นสารที่มีพิษต่อระบบสืบพันธุ์ ทำให้ผู้ชายเป็นหมัน หากเป็นหญิงมีครรภ์ลูกอาจมีอาการดาวน์ซินโดรม และอายุสั้นได้
ทั้งนี้การละลายของสารเคมีทั้ง 3 ชนิดนี้ จะมากน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการ ได้แก่ อุณหภูมิอาหาร ไขมันในอาหาร
และระยะเวลาที่อาหารสัมผัสกับภาชนะโฟม โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารประเภทผัด ทอด จะทำให้
สารสไตรีนละลายออกมาได้มากกว่า หากรับประทานอาหารที่บรรจุกล่องโฟม วันละอย่างน้อย 1 มื้อ ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งสูงกว่าคนปกติถึง 6 เท่า ถ้าปรุงอาหารโดยใส่น้ำมัน น้ำส้มสายชู แอลกอฮอล์ จะดูดสาร
สไตรีนจากกล่องโฟมได้มากกว่าปกติ ถ้าซื้ออาหารใส่กล่องทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ได้รับประทาน อาหารจะดูดสารสไตรีน
ได้มากกว่าปกติ ถ้านำอาหารที่บรรจุกล่องโฟมเข้าไมโครเวฟ สารสไตรีนจะไหลออกมาในปริมาณมาก และถ้าอาหารสัมผัสพื้นที่ผิวกล่องโฟมมากรวมถึงร้านไหนตัดถุงพลาสติกใสรองอาหาร เท่ากับว่าได้รับสารก่อมะเร็ง 2 เด้ง ทั้งสไตรีนและ
ไดออกซินจากถุงพลาสติกเลยอีกด้วย
การป้องกันโรคที่เกิดจากสารสไตรีนที่มาจากกล่องโฟมโดยวิธีง่ายๆ คือ การหันมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่ผลิต
จากธรรมชาตินั่นคือ “ไบโอโฟม” ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น เยื่อกระดาษชานอ้อย ชานอ้อยผสมเยื่อไผ่
มันสำปะหลัง การใช้งานเมื่อเปรียบเทียบกับพลาสติกและโฟมก็พบว่า ไบโอโฟมมีข้อดีมากกว่าจึงสามารถใช้ใส่น้ำ
และอาหารทั้งเย็นจัดจนถึงร้อนจัด (-40 ถึง 250 องศาเซลเซียส) เข้าเตาอบและเตาไมโครเวฟได้ไม่มีสารปนเปื้อนก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ที่สำคัญใช้เวลาในการย่อยสลายเพียง 45 วัน เท่านั้น
นายแพทย์พิทยาฯ กล่าวต่อว่า กล่องโฟมนำภัยเงียบที่น่ากลัวมาสู่สุขภาพ จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการ
และผู้บริโภค เราควร เริ่ม ลด ละ เลิก ใช้กล่องโฟมบรรจุอาหาร แล้วหันมาเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่ทำลายสุขภาพ
อย่าง ผลิตภัณฑ์ “ไบโอโฟม” ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อช่วยลดปัญหาสภาวะโลกร้อน รักษาสิ่งแวดล้อม
และยังทำให้เราห่างไกลจากโรคภัยอีกด้วย