หมอใหญ่กรุงเก่า : แนะประชาชนกรุงเก่า รู้ทัน พร้อมป้องกัน เชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2012 (MERS - CoV)เว็บไซต์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ภาพ logo website จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

หมอใหญ่กรุงเก่า : แนะประชาชนกรุงเก่า รู้ทัน พร้อมป้องกัน เชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2012 (MERS - CoV)

ผู้เขียน:  พัชรี วงษ์บัวทอง จาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 11:44 น.

 อ่าน 1,985

นพ.พิทยา ไพบูลย์ศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งรายงานสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2012 (MERS - CoV)
ขององค์การอนามัยโลก (WHO: World Health Organization) พบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2012
(ณ วันที่ 25 มกราคม 2559) รวมแล้วผู้ป่วย 1,626 ราย เสียชีวิต 586 ราย ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของยุโรป
(
ECDC: European Centre for Disease Prevention and Control) รายงานพบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา
สายพันธุ์ 2012 (ณ วันที่ 14 มกราคม 2559) รายงานพบผู้ป่วยยืนยันโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส
ณ วันที่ 14 มกราคม 2559 รวมแล้ว ผู้ป่วย 1,649 ราย เสียชีวิต 638 ราย โดยพบรายงานผู้ป่วยทั้งหมด จาก 26 ประเทศ ดังนี้ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ จอร์แดน โอมาน คูเวต อียิปต์ เยเมน เลบานอน อิหร่าน ตุรกี อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี กรีซ เนเธอร์แลนด์ ออสเตเรียตูนีเซีย แอลจีเรีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ จีนและไทย
สำหรับประเทศไทยวันที่ 24 มกราคม 2559 กระทรวงสาธารณสุข รายงานพบผู้ป่วยยืนยันโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางโรคเมอร์ส รายที่ 2 ของประเทศไทย ซึ่งเป็นชายชาวโอมาน อายุ 71 ปี ขณะนี้รักษาตัวในห้องแยกโรคที่สถาบันบำราศนราดูร ผู้ป่วยมีอาการรู้สึกตัวดี เหนื่อย ได้รับออกซิเจนและยาบรรเทาอาการ เนื่องจากมีอาการอักเสบที่ปอด รับประทานอาหารได้
ความเสี่ยงของการแพร่เชื้อจากผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2012 จากประเทศที่ระบาดโดยผ่านผู้เดินทาง
ระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยรายนี้ ประกอบด้วย ญาติที่เดินทางมาพร้อม  ลูกเรือและผู้โดยสารบนเครื่องบิน คนขับรถแท็กซี่ พนักงานโรงแรม และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล โดยผู้สัมผัสทั้งหมดนี้ จะนำเข้าระบบเฝ้าระวังติดตามอาการจนครบ 14 วัน จนพ้นระยะฟักตัวของโรค ทั้งนี้มีการติดตามผู้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และมีการใช้มาตรการในการป้องกัน
การแพร่กระจายโรคอย่างสูงสุด ประเทศไทยได้มีระบบเฝ้าระวัง ตรวจจับโรคดังกล่าวอย่างเข้มข้น และต่อเนื่อง

            โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า คือ โรคติดเชื้อ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการป่วยในคนและสัตว์ ซึ่งเชื้อไวรัส
โคโรน่ามีสายพันธุ์ ก่อให้เกิดอาการป่วยในคนที่แสดงความรุนแรงต่างกัน ตั้งแต่เป็นไข้หวัดธรรมดาจนถึงสายพันธุ์
ที่ทำให้เกิดโรคซาร์ส ค้นพบครั้งแรกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยพบในคนมาก่อน
จะแสดงอาการของโรคที่รุนแรงในผู้ป่วยเกือบทุกราย และจำนวนครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยทั้งหมดจะเสียชีวิต โรคติดเชื้อไวรัส
โคโรน่า หรือ อีกชื่อหนึ่งคือ กลุ่มอาการระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง (Middle East respiratory syndrome coronavirus (MERS-CoV) ปัจจุบันมีผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าทั้งหมด 11 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส
เยอรมณี อิตาลี จอร์แดน กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย ตูนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อังกฤษ โอมาน และคูเวต โดยผู้ป่วยทั้งหมด
มีความสัมพันธ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมกับประเทศทางตะวันออกกลาง และขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเชื้อไวรัสชนิดนี้แพร่กระจายได้อย่างไร อาการสำคัญ โดยทั่วไปจะมีอาการทางระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ไข้ ไอ อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่
แต่ในรายที่รุนแรงอาจมีอาการหอบหายใจลำบาก ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลันได้  โดยพบว่ามากกว่าร้อยละ 30
ของผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จะมีอาการรุนแรงจนกระทั่งเสียชีวิต  คำแนะนำในการปฏิบัติตัว 1).ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยที่ดี ได้แก่ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ โดยควรล้างมือบ่อยๆ    ด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที หรืออาจใช้แอลกอฮอล์เจลแทนได้ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ 2).หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ที่มีอาการไอ จาม 3).ควรหลีกเลี่ยง
การเข้าไปในที่แออัด หากจำเป็นต้องเข้าไปในที่แออัด ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ 4).แนะนำให้
สวมหน้ากากอนามัยในกรณีที่มีอาการไอ จาม เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค                                                         นพ.พิทยาฯ กล่าวต่อว่า หากประชาชนมีการเดินทางไป - มา ประเทศแถบตะวันออกกลางอาทิ ซาอุดิอาระเบีย
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และผู้เดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลางเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งเป็นพื้นที่พบการระบาดของโรค เพื่อประกอบศาสนกิจ ท่องเที่ยว ทำงาน ศึกษา ทั้งนี้ หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หรือมีอาการไข้สูง หอบเหนื่อยหายใจลำบากขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางไปต่างประเทศด้วย หรือโทรปรึกษาสายด่วนกรมควบคุมโรค
โทร. 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่เว็บไซต์สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค (
http://beid.ddc.moph.go.th)


คำค้นหา
 
comments powered by Disqus
ข่าวในประเภทประชาสัมพันธ์
ข่าวโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ข่าวล่าสุด
สนใจมากสุดในรอบเดือน
เข้าชมล่าสุด